การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย(EST:Exercise Stress Test)
เป็นการตรวจหา ภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ที่มีการตีบหรือขาดเลือดเป็นสำคัญ หรือ อาจใช้ตรวจหาการเต้นผิดจังหวะ ที่เกิดร่วมกับการออกกำลังกายอีกด้วย การทดสอบชนิดนี้ ใช้ในการวินิจฉัยแยกโรคในผู้ป่วย ที่มีอาการเจ็บ แน่นหน้าอกได้เป็นอย่างดี หลักการ คือ ผู้ที่ต้องการตรวจ ออกกำลังกาย โดยการเดินบนสายพานที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เมื่อออกกำลังกายหัวใจจะเต้นเร็วขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นด้วย หากมีหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดจะไม่สามารถเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้เพียงพอจะเกิดอาการแน่นหน้าอก และมีการเปลี่ยนแปลง ของคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เห็น การทดสอบนี้ ยังช่วยบอกแพทย์ด้วยว่า ผู้ป่วยเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติหรือไม่ และใช้ในการติดตามผู้ป่วย ภายหลังได้รับการรักษา ไม่ว่าจะด้วยยา หรือ การขยายหลอดเลือด หรือ การผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนการทดสอบ
- ควรงดน้ำอาหาร ชา กาแฟ งดสูบบุหรี่ ประมาณ 2 ชม. ก่อนการทดสอบ 2. ควรสอบถามแพทย์ ถึงยาที่รับประทานอยู่ประจำว่าควรหยุดก่อนการทดสอบหรือไม่ เช่น ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาความดันโลหิตสูง หรือยาขับปัสสาวะ เป็นต้น ยาบางชนิด อาจจำเป็นต้องหยุดก่อนตรวจล่วงหน้า 3. ควรสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมต่อการทดสอบ เสื้อควรเป็นเสื้อที่มีกระดุมเปิดด้านหน้า เพื่อสะดวกในการเตรียมต่อขั้ว และสายไฟ ถ้าเป็นรองเท้าผ้าใบจะช่วยให้การเดินทดสอบสะดวกยิ่งขึ้น
ผู้ทดสอบทุกราย จะต้องลงชื่อในใบยินยอมเพื่อรับการทดสอบ ก่อนการทดสอบทุกครั้ง
ลักษณะการตรวจ EST
1. เจ้าหน้าที่เตรียมผิวหนังตามตำแหน่งที่แพทย์ต้องการโดยใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ทำความสะอาด
2. ทำการติดขั้วไฟฟ้า (electrode) จำนวน 10 จุด
3. ท่านจะได้รับการติดสายลีด (Lead) เพื่อวัดกราฟหัวใจจำนวนมากที่หน้าอก ทั้งขั้วไฟฟ้าและสายลีดไม่มีอันตรายและไม่เกิดความเจ็บปวดต่อท่าน
4. พยาบาลสอนการเดินบนสายพานของเครื่องวิ่งออกกำลังกาย จะทดสอบจนท่านปฏิบัติได้
5. ก่อนตรวจมีการวัดความดันโลหิต 3-4 ครั้ง
6. เครื่องมีสายพานเลื่อนความเร็ว และปรับความชันตามมาตรฐานการทดสอบ
7. ขณะท่านเดินหรือวิ่งแพทย์ พยาบาลจะพูดคุยกับท่าน หากมีอาการเมื่อย เหนื่อย แน่นหน้าอก ให้แจ้ง
8. ขณะทดสอบมีการวัดความดันโลหิต และบันทึก กราฟหัวใจเป็นช่วง ๆ
9. เมื่อท่านไม่สามารถเดิน หรือวิ่งต่อไปได้หลังจากตั้งใจเต็มที่แล้วให้แจ้งล่วงหน้าประมาณ 1 นาที แพทย์อาจต่อรองให้ทำต่อ ถ้าไม่ไหวจริง ๆไม่ต้องฝืน
10. การหยุดทดสอบมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป คือสายพานจะค่อย ๆ ปรับลดลงในแนวราบ ความเร็วจะหยุดนิ่งภายในเวลา 1 นาที
11. การวัดความดันและการบันทึกกราฟหัวใจยังทำต่อไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 6-10 นาที
12. ผิวหนังที่ติดขั้วไฟฟ้าอาจรู้สึกคัน ให้ทาด้วยโลชั่นทาผิว
13. ส่วนมากแพทย์จะอ่านผลการตรวจ และแจ้งผลให้ท่านทราบทันที
14. การตรวจใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 ชั่วโมง
ข้อควรระวังขณะตรวจ
ถ้ามีความรู้สึกผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
1.มึนงง เวียนศรีษะ
2.รู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก
3.รู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอก แขนหรือขากรรไกร ปวดหรือเป็นตะคริวที่ขา
ข้อควรระวังหลังการตรวจ
หากพบอาการเจ็บแน่นหน้าอก ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่หรือแพทย์โดยด่วน
2 ของความคิดเห็น
Comments feed for this article
พฤษภาคม 24, 2016 ที่ 11:44 am
เพียงตา ทรัพย์โมกข์
ดีมาก
พฤษภาคม 25, 2016 ที่ 3:31 am
phana Jinp
ขอบคุณค่ะ